

“ภูเขาชื่อเคอ” ตั้งอยู่ในตำบลอี้ว์หลี่ เมืองฮวาเหลียน ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์น้อย” ที่นี่ไม่เพียงโด่งดังเรื่องทุ่งดอกเดย์ลิลลี่สีทองอร่ามเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งผลิตชาคุณภาพดีอีกด้วย ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ1,000 เมตร ทำให้มีเมฆปกคลุมอยู่บ่อยครั้ง ดิน อากาศ และน้ำฝนล้วนสะอาดบริสุทธิ์ ส่งผลให้ต้นชาเจริญเติบโตได้ดี และมีรสชาติที่เหนือระดับ จนสามารถคว้ารางวัลจากการประกวดชิมชาได้อยู่เสมอ
คำแนะนำสถานที่
“ไร่ชาเทียนซิน” ก่อตั้งโดยคุณจังรุ่นแรก ผู้ที่เริ่มต้นจากศูนย์และทุ่มเทให้กับการเพาะปลูกมากว่า 40 ปี โดยเริ่มจากการปลูกพืชผลทางเกษตรชั้นยอดหลากหลายชนิด เช่น ดอกเดย์ลิลลี่ ใบชา ดอกเบญจมาศ และขมิ้นชัน เป็นต้น เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ เพื่อส่งมอบผลิตผลที่เป็นธรรมชาติ มีคุณภาพ และปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ปัจจุบัน คุณจัง อิ๋งเจี๋ย ผู้สืบทอดกิจการรุ่นที่สอง ได้เริ่มวางแผนจัดโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ตลอดทั้งสี่ฤดู นอกจากช่วงฤดูของดอกเดย์ลิลลี่แล้ว ยังเน้นการส่งเสริมใบชา ดอกเบญจมาศ ดอกไฮเดรนเยีย และพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตในชนบทและวิถีชีวิตของเกษตรกรอย่างลึกซึ้ง พร้อมรับพลังบำบัดจากธรรมชาติ


ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในปี112 (ค.ศ.2023) ไร่ชาแห่งนี้ได้รับตราสัญลักษณ์ความยั่งยืน ESG และคว้ารางวัลเหรียญทองจากการประกวดโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ของเมือง ฮวาเหลียน ในผลงานชื่อ “สีสันและกลิ่นหอมของชา” (ฉาเหยียนกวนเซ่อ) ต่อมาในปี 113 (ค.ศ.2024) ไร่ชาเทียนซินได้รับการรับรองให้เป็นสวนชาและโรงงานผลิตชาอินทรีย์ตามมาตรฐานสหภาพยุโรป รวมทั้งได้รับรางวัลพิเศษและรางวัลคัดสรรจากการประกวดชาอินทรีย์ระดับชาติ (TAGs) อีกด้วย
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
ชา
“ไร่ชาเทียนซิน” ปลูกชาหลักสองสายพันธุ์คือ ชิงซินอูหลง และไถฉาเบอร์12 (จินซวน) โดยใช้วิธีเกษตรอินทรีย์ในการเพาะปลูก และได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเฉาหยางของไต้หวัน อีกทั้งยังได้สร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมาในชื่อ “ชื่อเคอเทียนซิน” นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์การเก็บใบชาด้วยตนเองภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเรียนรู้วิธีการแยกแยะพันธุ์ชาต่างๆ และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บเกี่ยว จากนั้นจะได้เข้าร่วมกระบวนการผลิตชาแบบแฮนด์เมด ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ เช่น การนวด การหมัก และการอบ เพื่อสัมผัสการเปลี่ยนผ่านจากใบชาสดสู่ผลิตภัณฑ์ชาสำเร็จรูป
ทางไร่ยังมีบริการอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่รังสรรค์เมนูเด่นโดยนำชามาเป็นส่วนประกอบ เช่น ไข่เจียวชา ชาเทมปุระ และขนมข้าวอบกรอบรสชา เป็นต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสอาหารอร่อยพร้อมสัมผัสรสชาติอันหลากหลายของชา อีกทั้ง ทางไร่ยังเน้นย้ำเรื่องวัตถุดิบอินทรีย์และวัตถุดิบท้องถิ่น โดยอาหารทุกจานใช้ใบชาออร์แกนิกที่ปลูกเอง และวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น ถึงขนาดพาแขกเข้าไปเลือกผักในสวนเอง พร้อมกล่าวติดตลกว่า อาหารเลิศรสเหล่านี้ “ตรงจากดินถึงท้องในเวลาไม่ถึง 15 นาที!”