

บทนำ
เพื่อให้ผู้คนได้รู้จักสายพันธุ์กาแฟมากยิ่งขึ้น คุณเฉิน จวนอี๋ว์ เจ้าของสวน ไม่เพียงแต่จะปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกา SL34 เท่านั้น แต่ยังปลูกพันธุ์ยอดนิยมอื่นๆ อย่างเช่น เกอิชา ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมจากเอธิโอเปีย พันธุ์ใบม่วง (จื่อเย่ว์) โรบัสต้า ไลเบอริก้า และสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลายชนิด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถสังเกตและเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่ลักษณะภายนอกของต้นกาแฟ รูปร่างของใบ ไปจนถึงลักษณะของผลกาแฟ
เพื่อให้เมล็ดกาแฟของตนแตกต่างจากเกษตรกรรายอื่น คุณเฉิน จวนอี๋ว์จึงลดการใส่ปุ๋ยลงอย่างมาก โดยใส่ปุ๋ยเพียงครั้งเดียวหลังจากออกดอก นอกจากนี้เธอยังทำปุ๋ยหมักเอง และใช้ปุ๋ยน้ำเพื่อยับยั้งเชื้อโรค ซึ่งข้อดีคือปุ๋ยน้ำมีสารอาหารอยู่แล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม โดยเธอหวังว่าจะสามารถปลูกเมล็ดกาแฟที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้มากขึ้น


นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการเก็บเมล็ดกาแฟได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่การเก็บผลกาแฟ การลอกเปลือก การคัดเมล็ด ไปจนถึงการคั่วกาแฟ เพื่อเรียนรู้ว่ารูปแบบการคั่วแต่ละแบบส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร หลังจากบดเมล็ดแล้ว ต่อด้วยกาแฟดริปหอมๆอีกสักแก้ว กลิ่นกาแฟที่อบอวลอยู่ในปากจะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม
คุณเฉิน จวนอี๋ว์ได้นำส่วนต่างๆของเมล็ดกาแฟมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เช่น กากกาแฟที่เหลือจากการชงนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้หญิงชื่นชอบ อย่างสครับขัดผิว ลิปบาล์ม สบู่แฮนด์เมด หรือบางครั้งก็นำมาทำเป็นที่รองแก้วแบบกระจายกลิ่นหอม ส่วนเปลือกผลกาแฟที่เก็บได้ เธอก็นำมาหมักเพื่อทำเป็นชาเปลือกกาแฟที่มีกลิ่นหอมผลไม้ ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปเหล่านี้ นอกจากจะหาซื้อได้ที่สวนแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถทดลองทำได้ด้วยตนเองอีกด้วย
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
กาแฟ
นอกจากนี้ ทางสวนได้ออกแบบเมนูอาหารที่ใช้กาแฟเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงโต๊ะอาหาร นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มลองซุปไก่ใส่ผลกาแฟ หน่อไม้ไผ่พันธุ์กุ้ยจู๋ รวมถึงขนมหวานรสกาแฟ เช่น เครปเค้กกาแฟ เค้กชิฟฟอน และทาร์ตครีมสด เป็นต้น ทั้งหมดนี้เสิร์ฟพร้อมกาแฟดริปหอมกรุ่น โดยนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้กระบวนการทั้งหมดของกาแฟ ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป ไปจนถึงการปรุงกาแฟ ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจทั้งด้านอาหารและการเกษตรไปพร้อมกัน