ที่ยวเชิงเกษตรเหม่ยหลิง
อาณาเขตพื้นที่ชมวิวของไถหนานเหม่ยหลิงตั้งอยู่ในหมู่บ้านว่านชิว เขตหนานซี ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเม่ยหลินที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของไต้หวัน มีเส้นทางเดินป่ากว่า 20 เส้นทาง…
คำแนะนำสถานที่
อาณาเขตพื้นที่ชมวิวของไถหนานเหม่ยหลิงตั้งอยู่ในหมู่บ้านว่านชิว เขตหนานซี ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเม่ยหลินที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของไต้หวัน มีเส้นทางเดินป่ากว่า 20 เส้นทาง ทั้งเส้นทางเดินป่าอูหลง ถนนสายเก่าเหม่ยเฟิง และเส้นทางเดินเท้ากวนอิน ซึ่งนอกจากจะได้เห็นอ่างเก็บน้ำเจิงเหวิ่นจากมุมสูงบนยอดเขาแล้ว เมื่อมองลงไปด้านล่างที่ราบเจียหนานก็จะเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงามและระบบนิเวศอันสมบูรณ์ล้อมรอบหุบเขา ซึ่งเป็นภาพไม่ควรพลาดชมเลย
พื้นที่เหม่ยหลิง เดิมทีมีชื่อว่า “ภูเขากล้วย” เพราะเป็นที่รู้จักในด้านการปลูกกล้วย ด้วยตลาดส่งออกที่ตกต่ำในญี่ปุ่น จึงหันมาปลูกต้นบ๊วยแทนบนพื้นที่กว่า 3,125 ไร่ ทำให้มีบ๊วยสีเขียว (‘เหม่ย’) และ ดอกไม้สีขาวทั่วภูเขา นำไปสู่ที่มาของชื่อ “เหม่ยหลิง” นอกจากนี้ที่นี่ยังปลูกมะม่วง ลำไย ลิ้นจี่ พุทราจีน มะเฟือง มะละกอ ฝรั่ง สับปะรด กล้วย และผลิตผลอื่นๆ ด้วย ปัจจุบันกลุ่มฟาร์มสันทนาการหรือ The Leisure Farmland ประกอบไปด้วยสมาชิก 76 ฟาร์ม ซึ่งเป็นเจ้าของสวนผลไม้ ร้านอาหารรูปแบบเฉพาะ อุทยานระบบนิเวศวิทยา พื้นที่ตั้งแคมป์ และอื่นๆ
สามกิจการที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ได้แก่ “สวนอูเจี้ยนเต๋อ”, “สวนจ้าวเต้าเลอ” และ “สวนหยางเหมยถู่ฉี่” ได้นำเอาลักษณะเด่นของตนเองมาเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆทั้งเก็บผลฝรั่งผลพุทราด้วยตนเอง และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การห่อ การตัดแต่งกิ่ง การทำปุ๋ยหมัก นอกจากนี้ ยังได้ร่วมชมกระบวนการกลั่นบ๊วยเขียว ทำน้ำ บ๊วยโฮมเมดและน้ำเอ็นไซม์มะนาว รวมไปถึงลิ้มรสผลไม้หวานอมเปรี้ยว และรับประทานเมนูไก่ผสมบ๊วย อันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เหมาะสำหรับทริปครึ่งวันหรือเต็มวันมากเลยทีเดียว
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
ผลไม้
“สวนอู่เจี้ยนเต๋อ” — อู่เจี้ยนเต๋อ เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้วัย 74 ปี ปัจจุบันปลูกฝรั่งมุกและฝรั่งหัวใจแดงที่เก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสฝรั่งหวาน ก่อนจะห่อด้วยถุงและตัดกิ่งชำ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากเจ้าของผู้มากด้วยประสบการณ์ทางการเกษตรนานกว่า 50 ปี
สวน “จ้าวเต้าเลอ” — พื้นที่กว่า 4.3 ไร่ของสวนพุทราแห่งนี้ใช้วิธีกำจัดวัชพืชด้วยมือ อีกทั้งใช้รำหยาบ ไข่ และนมเป็นปุ๋ยเพื่อเพิ่มคุณภาพดิน “ถ้าทำให้ต้นแข็งแรง ผลพุทราก็จะอร่อย!” หวงกุ้ยเจิ้น เจ้าของวัย 52 ปี บอกเล่าความรู้สึกถึงการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ปกป้องผืนดินเท่านั้น แต่ยังให้โอกาสทางธุรกิจกับเขาอีกด้วย ฤดูการปลูกเริ่มเตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรอื่นๆ ทั้งการทำ”ไก่ผสมบ๊วย” และการทำปุ๋ยหมักใบไม้ร่วงก็ล้วนเป็นที่โปรดปรานของเด็กและผู้ใหญ่
“หยางเหมยถู่ฉี่” สินค้าเกษตรแบบพิเศษ — จางเทียนซาน เจ้าของวัย 63ปี พร้อมด้วยภรรยาของเขา ซูวี่ฮวา วัย59ปี ได้ทำการปลูกต้นบ๊วยอายุ 60 ปีบนพื้นที่เกือบ 93ไร่ ทั้งคู่เคยผ่านช่วงที่ยากลำบากเผาหม้อเซรามิกไปหลายร้อยใบ ทิ้งลูกพลัมจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนจะมาประสบความสำเร็จในการปลูกบ๊วยสีเขียวในช่วงปี2473 ผลไม้หวานและซอสบ๊วยมีจำหน่ายที่สวนแห่งนี้ รวมไปถึงการทำอาหารเมนูลูกบ๊วยและสัมผัสประสบการณ์DIYทำด้วยตัวเอง อื่น ๆอีกมากมาย ที่ทั้งอิ่มอร่อยและสนุกสนานเพลิดเพลิน
