“ไร่กาแฟจิงซิง” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านฮากกาที่เรียบง่ายบนที่ราบเมืองผิงตง ซึ่งปลูกต้นกาแฟประมาณ 3,400 ต้น ต้นกาแฟหลายร้อยต้นในไร่ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์อาราบิก้า ส่วนอีก 7 ถึง 80 ต้น เป็นกาแฟไลบีเรียซึ่งหายากมากในไต้หวัน
บทนำ
แม้ว่าจะปลูกในพื้นที่เล็ก ๆ แต่เมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิต ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน แต่ละคนก็เก็บได้เพียง 25 กิโลกรัมต่อวัน จริง ๆ แล้วผลผลิตกาแฟของที่นี่ไม่ได้มีมากมาย พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับคุณภาพในทุกๆขั้นตอน
ชิวซิ่วเหมย กล่าวว่าเมล็ดกาแฟของเราใช้วิธี “จองก่อน แล้วจึงคั่ว” ตราบใดที่เมล็ดกาแฟดั้งเดิมได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี เราก็สามารถคั่วเมล็ดกาแฟแบบกำหนดได้ตามความต้องการและความชอบของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้ลิ้มรสเมล็ดกาแฟที่สดจริงๆ ด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนด้วยตนเอง จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งกาแฟจากไร่จิงซิงมีปริมาณคาเฟอีนต่ำและมีรสช็อกโกแลตคาราเมล เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าจำนวนมากจนกลายมาเป็นลูกค้าประจำของไร่แห่งนี้
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
กาแฟ
“ไร่กาแฟจิงซิง” ที่ซึ่งแมลงและต้นกาแฟอยู่ร่วมกันตามธรรมชาติ เจ้าของทั้งสองยืนกรานว่าจะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงในการกำจัดวัชพืชหรือแมลง พวกเขาจะใช้วิธีกำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่ง เมื่อเจอแมลงศัตรูพืช จะใช้กับดักต่างๆ เพื่อกำจัดแมลงหรือถ้าจะกำจัดมอดไม้ ก็จะใช้การตัดแต่งกิ่งช่วย ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะใช้ระยะเวลานานและใช้แรงงานมาก แต่พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดในการปลูกกาแฟแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาของกาแฟสามารถนัดหมายทัวร์พร้อมไกด์เป็นกลุ่มตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อทำความรู้จักพันธุ์กาแฟ เมล็ดสดและเมล็ดคั่ว เข้าใจแต่ละขั้นตอนต่างๆ สามารถรู้สึกถึงความยากลำบากกว่าจะออกมาเป็นกาแฟแฮนด์เมด
หลังจากนักข่าวเยี่ยมชมสวนกาแฟ ชิวซิ่วเหมย ได้แนะนำสมาชิกในครอบครัวอีกคน นั่นคือ หยวนโย่ว ลูกชายของเขา ซึ่งป่วยเป็นโรค
ออทิสติกตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะพูดไม่เก่ง แต่ก็ช่วยงานอย่างเสิร์ฟอาหารให้แขกได้
ในฐานะเป็นแม่ ชิวซิ่วเหม่ย กล่าวว่าพวกเขาตั้งชื่อแบรนด์ว่า “กาแฟจิงซิง” ซึ่งหมายถึง “ความเงียบสงบ” ของเด็กออทิสติกและ “ดวงดาว” ที่เป็นสัญลักษณ์แห่วความพยายาม ส่องแสงแวววาวในเวลากลางคืนโดยหวังว่าจะมีคนเห็นแสงของดาวดวงนี้