ตั้งอยู่กลางเขตของชนเผ่ารูเลค และเป็นพิพิธภัณฑ์อาหารเกษตรอะบอริจินแบบ
ดั้งเดิมในธีมข้าวฟ่างแห่งแรกในไต้หวัน แต่เดิมเคยเป็นโรงเรียนประถมศึกษาลี่ชิว แต่ปัจจุบันอาคารเรียนที่ถูกทิ้งร้างนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่โดยแบรนด์เฟิงจงฉวนฉี หรือตำนานแห่งความภักดี ที่จำหน่ายสินค้าเกษตรในไถตง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเข้าใจวัฒนธรรมชนเผ่าไผวันเมื่อมาที่โรงเรียนเสียวหมี่แห่งนี้
คำแนะนำสถานที่
อาคารเรียนเก่าแก่และพื้นที่กลางแจ้งได้กลายเป็น “ทางเดินวัฒนธรรม”
เพื่อแนะนำนักท่องเที่ยวให้เข้าใจวัฒนธรรมของชาวไผวันมากขึ้น โดยทางเดินจะจัดแสดงภาพประวัติศาสตร์พร้อมรูปถ่าย และห้องเรียนจะถูกทำการตกแต่งใหม่เป็น “ห้องโถงแห่งเรื่องราว” “หอจัดแสดงอาหาร” “ร้านขายของชำ” และ “พื้นที่เปิดประสบการณ์” และการพัฒนาของชนเผ่าต่างๆในเขตหนานฮุย จะใช้ผลิตภัณฑ์จากข้าวฟ่างเป็นหลักมาเล่าเรื่องราวในรูปแบบสามมิติอีกด้วย
“ชนเผ่าไม่แยกจากข้าวฟ่าง” เป็นแผนการเดินทางท่องเที่ยวที่โรงเรียนเสียวหมี่ได้ริเริ่มขึ้น โดยกิจกรรมจะประกอบไปด้วย ทัวร์ท่องเที่ยวพร้อมไกด์นำทาง แบรนด์อาหารท้องถิ่น กิจกรรมแฮนด์เมด ประสบการณ์การล่าสัตว์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยความหมาย
ทัวร์จะเริ่มต้นด้วย “พิธีน้ำและไฟ”
ขั้นตอนที่ 1 คือการตีก้นด้วยกิ่งและใบของต้นคำพองเพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้ายออกจากร่างกายซึ่งถือเป็นมารยาทของชาวไผวันในการรับแขกสำคัญ
ขั้นตอนที่ 2 คือเขียนคำอธิฐานบนแผ่นไม้ของต้นแก้วโยนลงในอ่างถ่านแล้วเผา เพื่อแสดงความปรารถนาอย่างจริงใจต่อบรรพบุรุษ
ขั้นตอนที่ 3 คือการล้างมือด้วยน้ำจากเหยือกดินเผาซึ่งเป็นตัวแทนของแม่ในวัฒนธรรมของชาวไผวัน ซึ่งในพิธีเปิดจะมีการใช้วัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น มีการผสมผสานวัฒนธรรมไผวันดั้งเดิม และมีการจำลองภูมิประเทศของภูเขาต้าอู่ และที่ราบลุ่มแม่น้ำจินหลุน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเริ่มต้นการเดินทางด้วยอารมณ์ “หวนคืนสู่ชนเผ่า”
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
ธัญพืชต่างๆ
แบรนด์เฟิงจงฉวนฉี ที่ก่อตั้งโรงเรียนเสียวหมี่นั้น เริ่มต้นสร้างแบรนด์จากฐานะ
เกษตรกร แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแพลตฟอร์มขายธัญพืชพื้นเมืองเบ็ดเตล็ดในไต้หวันที่ใหญ่ที่สุด ยอดขายข้าวฟ่างและควินัวแดงต่อปีนั้นจะถูกคิดเป็นหน่วยตัน โดยจะปลูกข้าวฟ่างในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อเข้าฤดูหนาวจะเปลี่ยนมาปลูกควินัวแดงหรือกระเจี๊ยบแดง ซึ่งเดินจากโรงเรียนเสียวหมี่ประมาณห้านาที จะสามารถมองเห็นพื้นที่ทางการเกษตรประมาณหนึ่งในสามในบริเวณใกล้เคียง และพื้นที่การเกษตรเช่าที่เหลือกระจายอยู่ในที่ต่างๆ ในภูเขาของชนเผ่า เนื่องจากเครื่องจักรหนักทำให้ไม่สะดวกต่อการขนส่งเข้าออก จึงทำให้ชาวชนเผ่าต้องรักษาวิธีการเก็บเกี่ยวด้วยตนเองแบบดั้งเดิมไว้
“เหล้าข้าวฟ่างหยู่มู่” ที่ขายที่ร้านขายของชำของโรงเรียนเสี่ยวหมี่ ถูกจัดเป็น
เครื่องดื่มในงานเลี้ยงของรัฐบาลไต้หวัน และนอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับกลุ่มแม่ๆของ
ชนเผ่าในการทำเกี๊ยวลูกเดือย เพื่อสืบสานอาหารอันโอชะแบบดั้งเดิมของชาวอะบอริจิน