(ภูเขาต้าอู่หลุนกัน)
“ฟาร์มเพื่อการพักผ่อนคาเฟ่จินฉือไต้หวัน” ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหยานซานหมายเลข 185 ในมณฑลผิงตง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6ไร่ มีศาลาพัก 12 แห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนเพียงลำพัง…
บทนำ
“ฟาร์มเพื่อการพักผ่อนคาเฟ่จินฉือไต้หวัน” ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหยานซานหมายเลข 185 ในมณฑลผิงตง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6ไร่ มีศาลาพัก 12 แห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนเพียงลำพัง และได้รับฉายาจากลูกค้าประจำว่าเป็น “ร้านกาแฟใหญ่ที่สุดของไต้หวัน”
จางเหยาจิ้ง เดิมทีดำเนินธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตอาหารสดและร้านสเต็กหลายร้านในภาคเหนือ เขามีประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพนี้ และเมื่อเขากลับมาที่ผิงตงเพื่อเยี่ยมญาติหลายครั้ง เขารู้สึกเสียดายที่ชาวบ้านปล่อยให้เมล็ดกาแฟที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเขาต้าอู่ สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาจึงเสนอแนวคิดซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวพื้นเมือง แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเอาเปรียบเพราะไม่ได้ปลูกกาแฟเอง
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตัดสินใจยุติกิจการทั้งหมดและย้ายกลับไปที่ผิงตง และด้วยความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่น เขาจึงได้เปิดไร่กาแฟที่ระดับความสูง 1100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลบนภูเขาเป่ยต้าอู่ (เขาต้าอู่หลุนกัน) และเริ่มอุตสาหกรรมกาแฟขึ้นที่นั่น
ไร่กาแฟที่นี่ใช้วิธีการปลูกแบบธรรมชาติโดยไม่ให้หนาแน่นเกินไป ควบคู่ไปกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์แบบโฮมเมดเพื่อเพิ่มสารอาหารลงในดินและไม่ใช้ยาฆ่าแมลงรวมถึงสารกำจัดวัชพืชใดๆ กาแฟที่ปลูกที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์อาราบิก้า-ไทปิก้า ด้วยความเอาใจใส่เป็นพิเศษทำให้เกิดเทคนิคการคั่วพิเศษเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น “Dawu Mountain Coffee” ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเองและได้รับการส่งเสริมจนเป็นกระแสปลูกกาแฟที่กระจายไปทั่วในปัจจุบัน ทั้งที่เมืองไท่อู่ ซานตี้เหมิน อู่ไถ หม่าเจีย ไหลอี้ และชุนรื่อ เป็นต้น เมืองเหล่านี้ต่างก็เริ่มปลูกกาแฟเองแล้ว
จุดเด่นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
กาแฟ
“จินฉือ” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทางหลวงหยานซาน ได้เปลี่ยนจากฟาร์มเกษตรกรรมเป็นฟาร์มเพื่อการพักผ่อนในปี 2555 โดยมีเป้าหมายคือการทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้ว่ามีกาแฟดีๆ ในผิงตง และได้รับความประทับใจรู้ถึงคุณค่าที่ได้เดินทางมาดื่มกาแฟสักแก้ว จากแหล่งปลูกจริง ผ่านการเก็บและการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี การแปรรูปไปจนถึงการคั่ว ก่อนที่กาแฟจะกระตุ้นต่อมรับรสของผู้บริโภคได้อย่างน่าอัศจรรย์
ฟาร์มแห่งนี้ได้บริหารจัดการการผลิตกาแฟตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกไปจนถึงขั้นตอนหลังการแปรรูป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการแปรรูปเมล็ดกาแฟดิบผ่านไกด์ที่คอยให้ความรู้ ทำให้ไม่งงเวลาเห็นคำว่า ล้าง ตากแดด หรือน้ำผึ้ง อยู่บนบรรจุภัณฑ์ด้านนอก และยังสามารถเรียนรู้กุญแจสำคัญในการเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีอีกด้วย รวมถึงกิจกรรมคั่วกาแฟด้วยหมอดิน หรือ “Clay Pot Bean-Roasting Experience” โดยนำเมล็ดกาแฟมาใส่ในหม้อดิน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนจากสีอบเชยเป็นสีคาราเมล ส่งกลิ่นหอมหวลชวนหลงใหล จากนั้นยังสามารถนำไปบดเป็นผงแล้วใส่เป็นซองกาแฟเล็กๆ ให้นำกลับบ้าน เติมน้ำร้อนแล้วดื่มได้ทันที